ในตอนนี้สีโทนชานม หรือMilk Tea นั้นได้กลายเป็นหนึ่งในสีผมโทนมาตรฐานไปแล้ว
ที่จริงแล้ว ที่มาของความฮิตของสีนี้มีมานานเเล้วกว่า 20 ปีครับ นับจากตั้งแแต่มีการออกวางจำหน่ายสีย้อมผมโทนเบจครั้งแรก
ปัจจุบัน สีผมโทน Greige(สีผสมระหว่างสีเทาเเละเบจ) เเละโทนSilver นั้นก็เป็นที่พูดถึงเพิ่มมากขึ้นเหมือนกันครับ
หากเทียบกับก่อนหน้า โทนสีมีการแบ่งแยกออกมาอย่างหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสีชานมที่สีค่อนออกไปทางโทนสีขาวของนม หรือจะเป็นสีชานมที่มีส่วนผสมของสีโทนเบจมากกว่า และค่อนออกไปทางสีของชา เป็นต้น
ในครั้งนี้จะพูดถึงสีผมโทน Milk Tea ที่แม้แต่ผู้ใหญ่ทำก็เข้ากันครับ
✔️เป็นกังวล เพราะสีผมมักหลุดโทนแดงหลังการย้อม (รวมถึงโทนส้มด้วย)…
✔️อยากลองผมสีโทนสว่างดู แต่ก็ไม่อยากได้สีที่สว่างจนสะดุดตาเกินไป…
✔️ผมที่โดนแสงแดดเลียจนการเป็นสีโทนเหลือง เเละทำให้ดูเหมือนผมเสีย…
สีโทนเบจชานม(Milk Tea Beige)นั้นเป็นสีแบบไหนกันนะ?
สาเหตุที่ทำให้เป็นที่นิยมนั้น ผมรวบรวมมาทั้งหมด 5 ข้อครับ
- สีโทนนี้สามารถระงับความเหลืองเเละความแดงของเส้นผมที่ทุกคนไม่ชอบได้
- เป็นสีที่ถึงแม้จะทำโทนให้สว่าง แต่ก็ไม่ทำให้ดูโดด หรือสะดุดตาจนเกินไป
- ด้วยความที่สามารถคอนโทรลระดับเฉดของสีได้ จึงสามารถปรับเลือกสีที่เหมาะกับสีผิวของแต่ละคน เเละช่วยขับผิวให้ดูผ่องได้
- สีโทนนี้ไม่ว่าใครก็สามารถเอาอยู่ เเละเข้ากันได้ดีกับแฟชั่นแนวต่างๆ
- หากเทียบกับสีโทนหม่น เช่น Ash หรือ Silver นั้น สีโทนเบจนี้สามารถอยู่ได้นานกว่าครับ
ยิ่งไปกว่านั้นสีโทนนี้ยังเข้าได้ง่ายกับสีผิวของคนญี่ปุ่น แม้จะย้อมในโทนสว่างก็ไม่ทำให้รู้สึกแปลกตาจนเกินไป
อีกทั้งสีโทนชานมนั้นยังเหมาะสำหรับท่านที่มีปัญหาการย้อมสีโทนAsh, Silver, Matt (สีโทนออกเขียว) เเล้วดูหมองด้วยครับ
สีที่มีส่วนผสมของสีน้ำเงินอยู่เหล่านี้นั้น สามารถช่วยกลบเม็ดสีแดงในเส้นผมออกได้ก็จริง แต่สำหรับท่านที่พื้นผมเป็นสีโทนเข้ม หรือเคยทำสีโทนเข้มมานั้น การที่จะทำให้เกิดประกายสีอย่างชัดเจนนั้นทำได้ยากครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องตระหนักไว้ครับ
ในการทำสีเบจชานม หรือ Milk Tea Beige นั้น เป็นสีที่สามารถปรับเข้มหรือสว่างของสีเพื่อให้เข้ากับสีผิวได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าจะให้สีไปในโทน Yellow base หรือ Blue Base ก็ได้ครับ !
ส่วนสีไหนที่จะเหมาะกับท่านนั้น สามารถปรึกษากับช่างผู้เชี่ยวชาญได้เลยครับ!
จำเป็นที่จะต้องกัดสีผมไหม? อยากคงโทนสีเข้มไว้จะได้ไหม?
สำหรับท่านที่ต้องการให้สีออกโทนชานมสีอ่อน แนะนำให้ทำการกัดสีก่อนครับ
แต่สำหรับท่านที่คิดว่า 『ไม่อยากให้ผมดูสว่างขนาดนั้นเลย…』ผมเเนะนำท่านเป็นการใช้เทคนิค Highlight หรือ การทำสีแบบ Balayage เป็นเทคนิคใช้สีโทนสว่างแค่ในบางจุดครับ◎
แน่นอนว่าการไม่กัดสีเลย และทำการย้อมสีอย่างเดียว ก็สามารถทำสีโทน Milk Tea นี้ได้ครับ(ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผม ในบางกรณี ใช้การย้อม2ครั้ง ก็สามารถได้ผลลัพธ์ของสีให้ออกมาสวยได้ครับ)
หากดูกันแบบการใช้ระยะเวลาเป็นตัวช่วย การย้อมสีเฉดเดียวกันในครั้งถัดไปซัก2หรือ3คร้ังแล้วนั้น สีจะเกิดการทับถมกัน จะยิ่งทำให้สีดูสวยชัดขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังสามารถคงความสวยของสีไปได้เรื่อยๆเลยครับ
สำหรับท่านที่มีพื้นสีผมออกโทนแดงหรือส้มง่าย ก็สามารถมีผมสี Milk Tea Beige ที่สวยงามแบบไม่ต้องกัดสีได้ โดยการเลี้ยงผมไปเรื่อยๆใช้เวลาประมาณครึ่งปีครับ
(*ในวิธีการนี้จำเป็นต้องอาศัยระยะเวลา จำเป็นต้องพูดคุยถึงแผนในแต่ละระยะ สำหรับท่านที่กังวลถึงสีที่อยากทำว่าจะสามารถทำได้ไหมสามารถติดต่อมาเพื่อปรึกษาได้เลยครับ )
เหมาะกับคนแบบไหน?
สี Milk Tea Beigeนั้น เข้ากันได้ดีกับโทนสีผิวของคนญี่ปุ่น สามารถคอนโทรลและปรับโทนสีได้หลากหลาย สามารถให้ภาพลักษณ์ที่ดูอ่อนหวานน่ารัก หรือจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ในสไตล์เท่ห์ๆคูลๆก็ทำได้ครับ
หากให้แนะนำในบางส่วนละก็
- การผสมสีชมพู ลงไปในปริมาณมาก→ผมดูนุ่มนวลเเละเงางาม เสริมภาพลักษณ์ของความเป็น Feminine ให้ท่านมากขึ้น
- การผสมสี Dark Silver ลงไปในปริมาณมาก→ให้ภาพลักษณ์แบบดูCool เข้ากันได้ดีกับผมสั้นมากๆครับ◎
- สำหรับสภาพเส้นผมที่ออกสีเหลืองง่าย→การผสมสี Lavender ลงไปจะช่วยให้สีติดคงนานขึ้น↑↑↑
- สำหรับสภาพเส้นผมที่ออกสีแดง (หรือสีส้ม)ง่ายนั้น→ผสมสีโทน Ash ลงไป จะให้ภาพลักษณ์แบบสาวตะวันตกได้ครับ!
ด้วยที่กล่าวมานี้ ข้อดีของสี Milk Tea คือการที่สามารถตอบรับกับ 『ปัญหาเส้นผม』บางอย่างของท่าน รวมถึงยัง สามารถช่วย『ปรับภาพลักษณ์』ตามที่ท่านชอบได้ด้วย !
【Salon’s Style】สำหรับที่neve นั้น ขอแนะนำผมประจำAutumnนี้ที่ทำดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นครับ
(ถึงแม้เมืองไทยจะเป็นเมืองร้อน) แต่ก็อยากแนะนำสีแบบผู้ใหญ่ ที่เหมาะอย่างมากกับ Autumn Winter นี้ครับ
ถึงแม้ไม่กัดสีผม ก็สามารถทำให้ผลลัพธ์สีออกมาได้อย่างใกล้เคียง ลองนำไปใช้อ้างอิงดูนะครับ!
Autumnนี้! ผมทรงสั้น ลงสีโทนชานมที่ออกเข้มหน่อย โดยใช้เทคนิคสีแบบ Balayage!
ลูกค้าท่านนี้เป็นลูกค้าประจำตั้งแต่เปิดร้าน จากร้านสาขาที่ทองหล่อ(atricka)ครับ(ขอบคุณที่สนับสนุนมาตลอดครับ!)
ช่วงนี้ลูกค้าอยากตัดผมให้สั้นขึ้น เเละมีความรู้สึกอยากเปลี่ยนอิมเมจให้ดู Cool & Bitter ขึ้นอีกนิดครับ !
การทำ Highlight ที่ช่วยเน้นให้เห็นถึงทิศทางของเส้นผมได้นั้นก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดี แต่ในครั้งนี้ผมใช้เทคนิคแบบ Balayage ที่สามารถเปลี่ยนบรรยากาศของผมสั้นให้ออกมาดูคมเท่ห์ได้ครับ!
【Before】ลูกค้าได้มาตัดผมจากที่ร้านเมื่อประมาณเดือนกว่าๆ ด้านStylingก็บอกได้เลยว่าออกมาสวยมาก แม้ผ่านมาแล้วเดือนกว่าๆแต่ทรงผมก็แทบ(หรือไม่เลย) ไม่เสียทรงเลยครับ 555
ถ้าบอกว่าทรงนี้เป็นทรง After ก็ไม่ตะขิดตะขวงใจเลยครับ ช่วงกลางนั้นผมยกขึ้นเเละบาลานซ์กับด้านข้าง ส่วนบริเวณหูก็มีลักษณะเป็นทรงแบบที่แนบลงมาครับ
【Process】กัดสีเพื่อเตรียมทำ Balayage ครับ
ได้ทำการกัดสีเป็นช่อๆ เห็นการแบ่งชั้นของสี เเละต่อไปจะเริ่มทำการลงสีเเล้วครับ
เเละแน่นอนว่าการกัดสีในครั้งนี้ก็ได้มีการกัดแบบ Care Bleach ที่ไม่ทำให้เส้นผมได้รับความเสียหายด้วยครับ!
【After】ลักษณะเฉพาะของBalayage ที่สามารถสร้างความContrastของสีในส่วนโคนให้ดูเข้ม และไล่สีซ้อนทับกับสี Milk Tea ให้ดูมีประกายสีที่เด่นชัด อีกทั้งยังช่วยดึงให้เห็นถึงความงามแบบสามมิติของผมสั้นออกมาด้วยครับ
อีกทั้ง แม้ไม่ต้องจัดทรงมาก ก็ให้ความรู้สึกของความเป็นวอลลุ่มของผมออกมาได้ครับ
ปลายผมมีความเป็นประกาย และดูกลมกลืนอย่างนุ่มนวลครับ
เป็นสีที่กัดเพียงแค่ครั้งเดียวก็ออกมาสวยได้ เเนะนำมากกับช่วง Autumn นี้ครับ!
อีกทั้งเป็นสีที่ง่ายต่อการ Match ชุดต่างๆในชีวิตประจำวันด้วยครับ
ผมBobผู้ใหญ่!Highlight สี Milk Tea Greige ที่ออกมาดูมีประกายชัดเจน
ส่วนสำหรับลูกค้าท่านนี้ ได้มารับบริการเป็นครั้งแรกครับ
และเป็นครั้งแรกที่เข้าร้านซาลอนที่ไทย ทำให้รู้สึกกระตือรืนร้นมากครับ !
ในครั้งนี้ลูกค้าจากผมที่เริ่มยาวเเละหนาขึ้น เปลี่ยนลุคมาทำทรงบ๊อบแบบปลายงุ้มออกครับ !
ในส่วนของสีผมที่เริ่มหลุด และออกสีเหลืองนั้นก็จะทำการปรับสีให้ดูกลมกลืนกันอย่างเป็นธรรมชาติครับ !
【Before】ทรงบ๊อบแบบปลายงุ้มออกนั้น การคอนโทรลวอลลุ่มของผมด้านในเป็นสิ่งสำคัญครับ ในกรณีที่ผมมีความหนานั้นแม้จะใช้ไอรอนแต่ก็ไม่สามารถแต่งปลายผมให้ดูพริ้วไหวได้ครับ ดังนั้นในผมส่วนด้านในนั้นจะต้องมีการทำให้แนบขึ้นครับ
ในส่วนที่ทำ Highlight ไว้นั้น หลังจากสีย้อมหลุดออก สีมีความเหลืองโดดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
Pointในครั้งนี้คือ การกลบความเหลือง เเละส้มของสีผมออกไปครับ
เเละจากนี้แม้ผมจะยาวขึ้นก็สามารถคงลุคที่ดูเป็นธรรมชาติต่อได้ครับ
【After】ผมสีเหลืองที่โดดออกมาตอนแรกนั้น สามารถกลบออกได้อย่างดี และให้ผลลัพธ์ออกมาดูเงางามครับ
ในรูปอาจมองออกยากนะครับ ในส่วนของช่วงใบหูนั้นมีการทำสี Inner Color ที่แม้จะนำผมมาทัดหู ภาพรวมก็ยังออกมาดูน่ารักครับ
สำหรับครั้งนี้ก็เช่นกัน ปลายผมที่กระทบไฟนั้นออกมาดูสวยงามครับ
เป็นสีที่ให้ความแตกต่างกันจากแสงไฟในห้องเเละนอกห้องครับ สามารถสนุกไปกับสีสวยๆได้อย่างหลากหลายครับ
ค่าบริการสำหรับเมนูนี้
การตัดปรับแต่งทรงผม : 1500 บาท
การทำสี : 2300〜3000 บาท (ขึ้นอยู่กับความยาวผม)
Quick Balayage : 3000〜4000 บาท (ขึ้นอยู่กับความยาวผม)
Inner Color : 2000 บาทขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับ Area , หรือขอบเขต)
การทำ Treatment ฟื้นฟูภายในเส้นผม (Hair Colour Mixed) : 500 บาท
สรุป
แม้ในช่วงระหว่างปีที่อากาศยังร้อนอยู่ของไทยก็ตาม แต่นานๆครั้งได้ปรับเปลี่ยนลุคเพื่อให้ได้บรรยากาศของฤดู Autumn Winter นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ!
ถึงแม้ที่ไทยนั้นในช่วง Autumn Winterนี้อาจจะไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดหนาๆ แต่อย่างน้อยลองเปลี่ยนลุคให้เข้ากับฤดู จากการเปลี่ยนสีผมดูไหมครับ?
การมีสีผมที่ขับผิว เเละช่วยขับผิวให้ดูกระจ่างใส ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญนะครับ
มาลองหาสีผมที่เข้ากับตัวท่านกันเถอะครับ !