หากพูดแบบง่ายๆเลย 『ยังไม่รู้ว่าทำทรงอะไรดี ก็ไม่เป็นไรครับ!』
เวลาไปซาลอนมักจะโดนถามว่า『ทำทรงอะไรดีครับ?』ใช่ไหมครับ
เวลาโดนถามแบบนั้นทำให้เกิดความคิดที่ว่า「ทำยังไงดียังไม่ได้คิดทรงเลย…」หรือ「ไม่รู้ว่าทรงแบบไหนถึงจะเข้ากับตัวเองนะ…」กันใช่ไหมครับ
ทรงผมที่เข้ากับตัวเองหน่ะหรอ พูดตรงๆเลยว่า ไม่รู้หรอก! 555
เหตุผลก็เพราะว่าการที่จะมองเห็นทุกส่วนของตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่ยากใช่ไหมครับ
แต่ก็อย่างที่ว่า หากไปซาลอนครั้งแรกแล้วพูดกับช่างว่า「ฝากด้วยนะ!」พูดตรงๆว่าคงเป็นอะไรที่เป็นงานยากสำหรับช่างนิดๆครับ…(หรือถ้าหากสะดวกก็ยินดีเลยครับ!555)
แต่จริงๆแล้วท่านก็สามารถวางใจได้ครับ เพราะช่างทุกคนนั้นปกติแล้วต้องผ่านการวิจัยจากเหตุการณ์ในทุกๆวันเพื่อให้สามารถตอบสนองปัญหาผมของลูกค้าได้ อีกทั้งมีการฝึกสังเกตุโครงสร้าง สภาพเส้นผมต่างๆ (เกี่ยวกับพวกความรู้ด้านทฤษฎีต่างๆทั้งนั้นเลยครับ 555) รวมไปถึงการคัดสรรทรงผมที่เข้ากันกับโครงหน้า แพทเทิร์นต่างๆที่แบ่งตามความยาวเส้นผม จึงวางใจได้ว่าช่างจะพยายามเสนอทรงผมที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละท่านที่สุดให้ครับ
ในการเลือกทรงผมนั้นมีหลากหลายองค์ประกอบในการใช้ประกอบความคิด จึงทำให้มีทางเลือกมากมายเลยครับ
ยกตัวอย่างเช่น…
- อยากให้ความสำคัญกับสภาพเส้นผมและการดูแลในทุกๆวัน
- เพราะสภาพอากาศเลยอยากได้ทรงที่ทำ Styling ได้ง่ายๆ
- อยากไว้ทรงเดิมแต่ตัดสั้นขึ้นสัก 2 cm.
- อยากเปลี่ยนอิมเมจใหม่
- อยากตัดทรงให้เข้ากับความรู้สึกในตอนนี้
เป็นต้น และอีกมากมาย
ต้องการทำเมนูอะไรที่จริงแล้วสามารถปรับได้ตามใจเลยครับ(แต่สำหรับบางท่านก็เป็นเรื่องยากนะครับในการคิดทรงที่อยากทำด้วยตนเอง…)
ในครั้งนี้จะมาพูดเกี่ยวกับพ้อยท์ที่ทางช่างต้องการเวลาพูดคุยกันว่าจะทำผมทรงไหนดี หรือว่าจะเป็นเรื่องพูดสื่อสารกับช่างยังไงดีกันครับ
บทความนี้จะแนะนำเกี่ยวกับเวลาบอกเมนูทรงผมที่อยากทำกับช่าง ว่าปกติแล้วทางช่างนั้นเวลาคิดทรงผมต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง หรือสำหรับทางช่างมือใหม่ก็สามารถอ้างอิงศึกษาตามบทความนี้ได้เลยครับ
Point 3 ข้อ ที่ช่างจะต้องคำนึงถึงเวลานำเสนอทรงผม
แน่นอนว่าแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันครับ โดยปกติแล้วช่างจะเช็ดดู 3 จุดด้วยกันครับ
ไม่ว่าจะเป็นร้านทำผมที่ไหนทางช่างก็จะต้องคำนึงถึง3สิ่งนี้เป็นหลักครับ
ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้สำคัญมากๆเป็นพื้นฐานที่ไม่สามารถละเลยได้เลยครับ
Pointที่ 1 สภาพของเส้นผมและโครงสร้างกระดูก
ปกติแล้วรูปหน้าของเรานั้นเป็นรูปทรงได้เกิดจากกล้ามเนื้อใบหน้าที่อยู่บนโครงกระดูกของเราครับ ซึ่งใช้ในการกำหนดฟอร์มหรือรูปแบบของทรงผมครับ
เส้นผม หรือผมของเรานั้น ถือว่าเป็นแบบฟอร์มที่สามารถตัดแต่งปรับเปลี่ยนได้
สภาพของเส้นผมนั้นก็มีหลากหลายประเภท ส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพที่ต่างกันครับ
ถ้าหากเราสามารถเข้าใจถึงโครงสร้างกระดูก หรือคุณสมบัติที่ต่างกันของแต่ละสภาพเส้นผมได้ ก็จะสามารถสร้างทรงผมที่เกิดความสมดุลและดูสวยงามได้อย่างแน่นอนครับ
Pointที่2สภาพอากาศและฤดู
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศตามฤดูนั้น เช่น ฝนตก ลมพัด หรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนไปก็ตาม ทำให้แฟชั่นเกิดการเปลี่ยนแปลงครับ
ในการที่จะเสนอเมนูให้แก่ลูกค้าต้องอาศัยการอ้างอิงจากสถานการณ์ต่างๆในปัจจุบันร่วมด้วยครับ เพื่อเสนอเฉพาะเมนูที่จำเป็นต่อลูกค้า เช่น ดูว่าอุณหภูมิในปัจจุบันจะส่งผลอะไรต่อผมบ้างไหมแล้วจำเป็นไหมในการที่จะต้องเตรียรับมือ หรือไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันที่ผมลูกค้าค่อนข้างแห้ง แล้วการกักเก็บความชุ่มชื้นหล่ะ?จำเป็นขนาดไหน หรือการที่ลูกค้าปกติใช้ผ้าพันคอ หรือลูกค้าชอบมัดรวบผม เป็นต้นและอีกมากมาย
Pointที่3การดูแลรักษาทั่วไป
ปกติลูกค้าสระผมตอนเช้า?หรือตอนเย็น?ใช้ไดร์เป่าผมหรือเครื่องหนีบผมหรือเปล่า?
เลเวลในการทำ Styling นั้นขึ้นอยู่กับทรงผมที่ลูกค้าต้องการทำครับ
แล้วเรื่องการดูแลหล่ะ จำเป็นต้องทำถึงขึ้นไหน ปกติแล้วทางช่างจะเป็นคนบอกให้ทางลูกค้ารับรู้และเข้าใจครับ
แต่ในกรณีที่ลูกค้าต้องการทรงที่ไม่ต้องดูแลต่อให้ยาก ทางช่างก็อาจจะเสนอทรงที่ใกล้เคียงโดยที่สามารถเซ็ททรง หรือดูแลง่ายขึ้นให้ครับ
Point ในการออเดอร์เมนูให้กับช่างทำผม
เป็นการบอกถึงความต้องการส่วนตัวให้แก่ช่างได้รับรู้ครับ
จะเป็นการบอกแบบนามธรรมก็ได้ครับ เช่น「อยากทำแบบนี้!」หรือ「แบบนี้ไม่ชอบ!」หรือ「แบบนี้ยังไม่ใช่!」เป็นต้นครับ
หรือจะบอกแบบเป็นรูปธรรม เช่น 「ผมหน้าอยากให้ตัดสั้นประมาณคิ้ว!」หรือ「อยากตัดปลายผมออกแค่ 1cm.เท่านั้น!」เป็นต้น จะแบบไหนก็OKครับ~!
แม้จะเป็นรายละเอียดเพียงข้อเดียวก็ไม่เป็นไร ให้บอกกับทางช่างออกไปได้เลยครับ
ทางช่างจะนำข้อมูลมาพิจารณาเพื่อหาสมดุลในการคิดทรงผมที่เหมาะสมกับตัวท่านที่สุดให้ครับ
นำรูปภาพของทรงที่ชอบหรือทรงที่อยากทำมาหลายใบก็OK◎
ปกติแล้วหากจะหาทรงผมที่สนใจ การหาทรงสวยๆตามไอจีหรือเว็บไซต์มักจะเป็นทางเลือกที่หลายๆท่านทำกัน
แต่มักจะเกิดความคิด เช่นที่ว่า「สภาพผมของนางแบบในรูปกับเราต่างกัน โครงของกระดูกต่างๆก็ต่างกันถ้าเราทำจะเข้าไหมนะ?」ใช่ไหมครับ!แต่ผมบอกได้เลยว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับที่คิดแบบนั้น!
ยิ่งหากนำรูปมาให้ทางช่างได้ดูหลายๆใบยิ่งดีครับ เป็นการช่วยได้มากเลยครับ
ยิ่งการที่นำรูปที่ต้องการมามาก ยิ่งทำให้ง่ายต่อการหาจุดร่วมต่างๆ เช่น รูปทรง รสนิยม เทกเจอร์ เป็นต้น และทางช่างจะได้นำมาใช้ในการพิจารณาทรงครับ
หลังจากหาจุดร่วมจากที่ลูกค้าชอบแล้ว ทางช่างก็จะหาแบบของทรงผมและให้ลูกค้าดูว่าประมาณนี้โอเคไหม โดยเสนอผ่านรูปเพื่อให้ง่ายในการเข้าใจตรงกัน
(ถ้าหากดูแล้วยังรู้สึกไม่ใช่ ก็สามารถบอกช่างตรงๆได้เลยนะครับ ถ้าเป็นที่ร้านจะเสนอทรงผมกับลูกค้าผ่านรูปใน Ipad ครับ)
ความรู้สึกในตอนนี้(ของตัวเอง)
ตอนนี้มีฟีลลิ่งเป็นยังไงบ้างครับ?
เช่น ยังไม่มีทรงผมที่อยากทำแต่รู้สึกว่าอยากตัดผมจังนะ~ หรือ ไม่ได้อยากตัดสั้นหรือเปลี่ยนความยาวผมแต่ว่าอยากให้ผมดูมีชีวิตชีวากว่านี้จังนะ~ เป็นต้น แค่รู้สึกประมาณนี้ก็OK~!
แม้เป็นคำง่ายๆแบบไม่เจาะจงก็ได้ครับ ทางช่างสามารถนำ Keyword เหล่านั้นมาใช้ในการเสนอแบบทรงผมให้ได้ครับ!
ตัวอย่างเช่น…
- ไม่อยากให้ออกมาดูหวาน…→ สามารถออกแบบทรงที่ให้ภาพลักษณ์ออกมาดูคูลๆได้ โดยอาศัยรูปแบบทรง เทกเจอร์ของปลายผม หรือการแบ่งส่วนของผมรอบใบหน้า
- ร้อนนะ แต่ก็ไม่อยากตัดผม… สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดูผมพลิ้วและไม่หนักได้โดยการตัดเพิ่มเลเยอร์ลงไป ทั้งยังช่วยลดปริมาณของเส้นผมที่หนักได้ด้วยครับ
เป็นต้น และอีกมากมาย
ในกรณีที่ช่างถามคำถามที่อาจดูคลุมเคลือ นั่นเพราะอาจจะอยากทราบถึงความรู้สึกแรกที่คุณพูดออกมาเป็นคำพูด(เพื่อจับความรู้สึก แม้จะดูเหมือนเป็นการคาดเดาของช่างไปหน่อยนะครับ)
นอกจากนี้สำหรับทางช่างแล้ว การถามออกไปตรงๆเช่น『อยากเปลี่ยนหรอครับ?』 หรือ『ครั้งก่อนเป็นยังไงบ้างครับ?』เป็นต้นนั้น ก็เป็นสิ่งที่มักจะทำกันบ่อยนะครับ ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าเป็นการซ่อนความตั้งใจจริงไว้ได้มากที่สุดครับ
ลักษณะเฉพาะบุคคล、คาแรคเตอร์、ภาพที่ตัวเองอยากเป็น
ทรงผมของคุณตอนนี้ รู้สึกว่าเข้ากับบุคคลิกของคุณอยู่ไหมครับ?
บางท่านอาจจะเคยได้ยินคนพูดว่า ภาพลักษณ์ที่เห็นกับคาแรกเตอร์ดูต่างกันนะ!นั่นแปลว่า「ภาพภายนอกที่คนอื่นเห็น」และ「นิสัยที่แท้จริงของคุณ」นั้นดูแตกต่างกันครับ
สำหรับท่านที่อยากลดช่องว่างของความต่างนั้นลง แน่นอนว่าสามารถทำได้ครับ◎
แต่หากไม่ได้อยากปรับช่องว่างนั้น แล้วอยากลองเป็นตัวเองในอีกมุมใหม่ๆดูบ้าง ก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ
ทรงผมนั้นสามารถช่วยเปลี่ยนภาพลักษณ์จากที่ดูโดดเด่นมากๆให้ดูซอฟท์ลงได้ หรืออยากปรับให้ภาพลักษณ์ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก็สามารถทำได้เช่นกันครับ
สำหรับท่านที่จนปัจจุบันคงอิมเมจความเป็นผู้ใหญ่มาโดยตลอด แล้วอยากจะค้นหาตัวเอง อยากเป็นตัวเองมากขึ้น! ผมก็แนะนำให้เริ่มจากการลองเปลี่ยนทรงผมใหม่ๆดูครับ
ความคิดที่ว่าอยากจะเปลี่ยนทรงผมหลักๆแล้วก็เป็นเรื่องที่มาจากจิตใจใช่ไหมครับ เช่น ฤดูเปลี่ยน พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป หรือเพราะเหตุการณ์สำคัญต่างๆ เป็นต้น
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ในกรณีของผู้ชายมักจะไม่ค่อยพบเจอกับความรู้สึกแบบนี้นะครับ 555
ปกติสำหรับท่านผู้ชายการตัดผมนั้นมักจะตัดกันเป็นประจำเพื่อรักษาทรงหรือความสั้นแบบเป็นรูทีนอยู่แล้วครับ หรือตัดแต่งตามรสนิยมส่วนตัวก็ตามครับ แทนที่จะพูดว่าเพื่อการเปลี่ยนแปลงแต่พูดว่าการตัดผมของท่านผู้ชายนั้นเป็นส่วนหนึ่งหรือพิธีที่ต้องทำเลยก็ได้ครับ
สรุป
ทรงผมในหนึ่งแบบนั้นสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมากเลยครับ
ทุกๆคนนั้นมีองค์ประกอบหรือความต่างแต่ละเฉพาะบุคคล และเพราะมีสิ่งที่ละเอียดอ่อนเหล่านั้นจึงทำให้เกิดการสะท้อนบุคคลิกที่หลากหลายออกมา
ทรงผม หรือ Hairstyle นั้นก็เป็นหนึ่งในการแสดงถึงเสน่ห์เฉพาะตัวของคุณ
ที่ neve นั้นทางร้านมีการนำเสนอทรงผมเพื่อสำหรับบางท่านที่ต้องการความง่าย และไม่ต้องการคอยดูแลอะไรมากมาย
ถ้าหากมีโอกาส อย่าลืมทักมาพูดคุยกับผมได้เลยนะครับ~