จากข่าวภายในประเทศ ที่คิดว่าบางท่านคงจะทราบกันแล้วนะครับ
ว่าในทุกๆปี ในช่วงหน้าร้อนที่ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอ เป็นผลให้บางที่แห้งแล้งนั้น ส่งผลต่อค่าของน้ำประปาที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน
เดิมทีแล้วที่ไทยนั้นค่อนข้างอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และทุกๆปีพื้นดินก็มีการทรุดตัวจากการสูบน้ำใต้ดิน
ในช่วงไหนที่ฝนไม่ค่อยตกน้ำน้อย น้ำจากทะเลก็จะไหลเข้ามาแทนที่ ทำให้น้ำประปาที่ในชีวิตประจำวันอาจมีการปนผสมของเกลือรวมอยู่ด้วย
ซึ่งในน้ำที่มีค่าเกลือผสมอยู่ด้วยนั้น อาจส่งผลต่อสภาพของเส้นผม ให้เกิดความกระด้าง และดูแห้งเสีย (และในบางท่านก็ได้รับกระทบถึงผิวด้วย)…
ซึ่งหัวข้อในวันนี้จะพูดถึง “วิธีในการดูแลรักษาเส้นผมที่ดูกระด้าง หรือแห้งเสีย จากสาเหตุของน้ำประปา” กันครับ
และอีกหนึ่งทางเลือก👉🏻 โดยการให้ซาลอนดูแล กับโปรโมชั่นพิเศษมากๆ เฉพาะช่วงเข้าหน้าร้อนนี้✨ โดยการทำ [Treatment set] ทำความสะอาดตั้งแต่หนังศรีษะ จรดปลายผม พร้อมเติมเต็มความชุ่มชื้น เพื่อช่วยปรับพื้นให้ผมกลับมานุ่มลื่น ดูสวยงามอีกครั้ง และจากนี้ก็สามารถดูแลจัดการเองที่บ้านต่อได้อย่างง่ายๆ
✔️สัมผัสของเส้นผมไม่เรียบเนียน หรือลื่นมือ…
✔️อยู่ดีๆสีผมก็เปลี่ยนมาค่อยๆสว่างขึ้น…
✔️ผมกระจายตัว ไม่เรียงเส้นสวย…
- 1 คุณภาพน้ำของประเทศไทย (กรุงเทพ)
- 2 ทำไมน้ำถึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาผมได้นะ?
- 3 แล้วจากนี้จะทำยังไงดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเส้นผมขึ้น?
- 4 ส่วนวิธีในการดูแลเองที่บ้าน มีแบบไหนที่แนะนำบ้างไหมนะ?
- 5 【Special offer!】พิเศษ เฉพาะช่วงเข้าหน้าร้อนนี้~ กับโปรโมชั่นDetoxศรีษะ+พร้อมเพิ่มเติมความชุ่มชื้น ให้ผมได้รีเฟรชอย่างถึงขีดสุด!
- 6 【ช่วงเวลาจำกัด!】พิเศษสำหรับการดูแลต่อที่บ้านอย่างต่อเนื่อง!
- 7 สรุปบทความ
คุณภาพน้ำของประเทศไทย (กรุงเทพ)
ค่าน้ำประปาของไทยนั้นค่อนข้างมีความกระด้างของน้ำ เมื่อเทียบกับญี่ปุ่น
ซึ่งในสัดส่วนน้ำ1ลิตร หากมีปริมาณของ แคลเซียม , แมกนีเซียม เป็นต้น นั้นผสมรวมอยู่ด้วยมากกว่า 100mg/L เท่ากับว่า “น้ำค่อนข้างกระด้าง”ครับ ที่จริงแล้วแร่ตามที่กล่าวมานั้นก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย แต่สำหรับในกรณีเส้นผมนั้น ถือว่าเป็นข้อเสียที่ส่งผลกระทบต่อสภาพเส้นผมครับ
ยิ่งในช่วงหน้าแล้ง น้ำประปาในไทยนั้นมักจะมีค่าเกลือจากน้ำทะเลผสมร่วมอยู่ด้วย
ซึ่งการเจือปนของน้ำนั้น ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของ แบคทีเรียและค่าของเกลือ ซึ่งถือว่าคุณภาพไม่ค่อยเหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันเท่าไหร่นัก ยิ่งไปกว่านั้นจากการคาดเดา ค่าจากเกลือเมื่อไหลผ่านท่อส่งน้ำ ยังอาจมีโอกาสส่งผลให้ท่อนั้นเกิดสนิมขึ้นได้ และอาจปนเปื้อนกับน้ำขณะไหลผ่านมาเพื่อให้เราใช้ในชีวิตประจำวันด้วยครับ
ทำไมน้ำถึงเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาผมได้นะ?
น้ำประปา
ในน้ำประปานั้น มีส่วนผสมของ แคลเซียม(ไอออน) , แมกนีเซียม(ไอออน) , ทองแดง , เหล็ก เป็นต้น ซึ่งก็คือ “หนึ่งในชนิดของโลหะไอออน” นั่นเอง (ซึ่งในน้ำที่ญี่ปุ่นก็มีอยู่เช่นกัน)
และการที่มีเหล่าโลหะไอออนต่างๆนั้นปะปนอยู่ในน้ำ ยิ่งทำให้ค่าของน้ำเกิดความกระด้าง และส่งผลต่อเส้นผมให้เกิดความหยาบหรือกระด้างขึ้นนั่นเอง
ซึ่งเจ้าตัว “โลหะไอออน”นั้นค่อนข้างเป็นตัวเจ้าปัญหานิดๆ…เนื่องจากว่ามีคุณสมบัติยึดเกาะติดกับเส้นผมหลังจากที่เราสระผมตามปกติได้
เเละนอกจากนั้น ในด้านซาลอน หากเส้นผมมีเจ้าตัวโลหะไอออนต่างๆนั้นเกาะติดอยู่ละก็ จะทำให้เกิดผลกระทบกับการทำเคมีสี หรือดัดน้ำยา เพราะเจ้าตัวโลหะไอออนนั้นจะทำให้ลอนที่ดัดมาคลายตัวเร็ว และทำให้สีที่ย้อมมานั้นเฟดออกเร็ว รวมถึงยังทำให้การตอบสนองของเวชภัณฑ์นั้นทำงานได้ไม่เต็มที่อีกด้วย
น้ำทะเล
ในน้ำทะเลนั้นจะมีเกลือปะปนอยู่ ซึ่งเกลือเหล่านั้นประกอบไปด้วย 「แมกนีเซียมคลอไรด์」「แมกนีเซียมซัลเฟต」เป็นต้น นั้นอยู่ด้วย
ซึ่งเมื่อสิ่งเหล่านี้โดนหรือสัมผัสติดเกาะเส้นผม จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นผมหยาบและกระด้าง และเมื่อทิ้งไว้ในระยะเวลานานประมาณนึงก็อาจทำให้เส้นผมนั้นเปราะหรือขาดได้
แล้วจากนี้จะทำยังไงดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเส้นผมขึ้น?
หากจะให้พูดก็ถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะใช้เครื่องกรองน้ำแบบฝักบัวที่ใช้กันในครัวเรือนปกติ เป็นตัวช่วยกำจัดเหล่าโลหะไอออนออก
แต่ถ้าหากไม่ทำการกำจัดสารที่ปะปนอยู่ในน้ำเหล่านี้ออก แบบนี้ปัญหาเส้นผมก็ต้องเกิดต่อไปเรื่อยๆหรือเปล่า? แล้วแบบนี้จะทำยังไงดี?
ในกรณีที่น้ำทะเลนั้นปะปนรวมกันกับน้ำประปา จะทำให้ค่าpHในน้ำประปานั้นสูงขึ้น ทำให้ค่าของน้ำนั้นเกิดความเป็น『ด่างอ่อนๆ』ได้
ซึ่งเดิมทีนั้น ในกรณีของผมที่สุขภาพดีและมีสมดุลของไอออนนั้น จะมีค่าpHอยู่ที่ประมาณ『pH4.5~5.5』ซึ่งถือว่ามีความเป็นกรดอ่อนๆ
ซึ่งผมที่ขาดความสมดุลของค่ากรดด่างนั้น นอกจากจะทำให้สีผม หรือน้ำยาดัดนั้นอยู่ได้ไม่นานแล้ว ยังทำให้การดูแลในชีวิตประจำปกตินั้นกลายเป็นว่ากลับทำให้เกิดผมเสียขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว
ซึ่งยิ่งหากขณะสระผมได้ทำการถูหรือสระอย่างรุนแรงควบไปแล้วด้วยนั้น ยิ่งเป็นการทำให้กระทบในส่วนเกล็ดผม (ผิวชั้นนอกสุดของเส้นผม) ซึ่งถือว่าเป็นการทำให้ผมนั้นยิ่งได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
และในส่วนของกรณีเกล็ดผม ที่หากได้รับการทำร้ายไปแล้วนั้น ไม่ว่าจะใช้ทรีทเม้นท์รูปแบบไหน ก็ไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนมาดังเดิมได้
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตาที่กล่าวข้าวต้นขึ้น มาเลือกใช้แชมพูที่อ่อนโยนต่อตัวเรา、และทำการสระอย่างพิถีพิถัน และล้างด้วยอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมกันเถอะ
ที่ร้านซาลอนนั้นสามารถช่วยขจัดสิ่งตกค้างบนผมและหนังศรีษะได้อย่างเห็นผล หากได้รับการบริการที่สม่ำเสมอ
โดยทางซาลอนนั้นมีเวชภัณฑ์และแชมพูเฉพาะที่สามารถนำ”โลหะไอออน”ออกได้ เพื่อป้องกันปัญหาผมหยาบกระด้าง และช่วยให้เส้นผมมีสัมผัสที่เรียบลื่นขึ้น
แล้วการบริการจากซาลอนนั้น จะช่วยให้เส้นผมกลับมามีสุขภาพและผัสผัสที่ดีตามเดิมได้ไหม?
「ปกติแล้วเวลาผมหยาบ หรือดูกระด้างขึ้น ก็สามารถใช้คอนดิชันเนอร์ หรือทรีทเม้นต์ในปริมาณมากขึ้นหน่อย ก็ช่วยแก้ได้ไม่ใช่หรอ?
ซึ่งบางท่านคงมีคำถามขึ้นมาในใจแบบนี้ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการเข้าใจที่ผิดครับ
การใช้แชมพูและทรีทเม้นท์ให้ผลลัพธ์อะไรบ้าง
ผมจะพยายามเพื่ออธิบายให้เข้าใจได้ง่ายที่สุดนะครับ 555 ในความเป็นจริงตามทฤษดีนั้นมีเนื้อหาค่อนข้างลึกครับ
แชมพู คือสิ่งที่หลักๆคือตัวช่วยในการชำระล้างสิ่งสกปรกบนเส้นผมครับ
ซึ่งมีส่วนผสมของสารลดแรงตรึงผิวอยู่ด้วย
ทรีทเม้นท์คือสิ่งที่ช่วยในเรื่องความชุ่นชื้นของเส้นผมครับ
ซึ่งมีส่วนผสมของสารลดแรงตรึงผิวอยู่ด้วยเช่นกันこ
แต่ทั้งสองอย่างนั้น แม้จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดแรงตรึงผิวเหมือนกัน แต่ก็แตกต่างกันครับ
แชมพูนั้นจุดประสงค์ในการใช้เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ดังนั้นจึงเป็นประเภทสารลดแรงตรึงผิวแบบ『ประจุลบ➖』、ส่วนทรีทเม้นท์เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นจึงเป็นประเภทสารลดแรงตรึงผิวแบบ『ประจุบวก➕』ครับ
นอกจากนี้ในส่วนของสภาพเส้นผมที่”สุขภาพดี” (มีค่าความเป็นกรด) เส้นผมจะมีค่า「ประจุบวก➕」อยู่มากกว่า、ในอีกด้านของกรณี”ผมเสีย”(มีค่าความเป็นด่าง)เส้นผมจะมีค่า「ประจุลบ➖」อยู่มากกว่า
ซึ่ง『ค่าลบ➖』และ『ค่าบวก➕』นั้นมีคุณบัติในการยึดเกาะหรือดึงดูดกันและกัน ดังนั้นแชมพู(➖)จึงถูกใช้ในการชำระล้าง และทรีทเม้นท์(➕)ใช้ในการกักเก็บความชุ่มชื้น
ซึ่งจากการอธิบายมาจนถึงตรงนี้ ปัญหาก็คือ เจ้าตัวโลหะไอออน และทรีทเม้นท์นั้น มีค่า『ประจุบวก➕』แบบเดียวกันครับ
หรือก็คือ ผมเสีย(➖)ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นด้วย『ทรีทเม้นท์(➕)』แต่กลับมีเจ้าตัว 『โลหะไอออน(➕)』ติดอยู่บนเส้นผม ทำให้ทรีทเม้นท์ไม่สามารถยึดเกาะกับเส้นผมได้ หรือก็คือไม่ช่วยให้เกิดความชุ่มชื้นตามที่ควรจะเป็นนั่นเอง!!
และยิ่งไปกว่านั้น เท่ากับยิ่งผมเสียหรือสุขภาพไม่ดีมากเท่าไหร่ ยิ่งเท่ากับเป็นดึงดูดตัวโลหะไอออนให้ยึดเกาะติดผมมากเท่านั้น
และด้วยเหตุผมตามที่อธิบายไปนี้
เท่ากับว่าทรีทเม้นท์ที่เราทำการใส่ลงไปบนเส้นผมนั้น ไม่ได้เกิดปฎิกริยาต่อเส้นผม และถูกกล้างออกไปอย่างเปล่าประโยชน์…
ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงให้ทรีทเม้นท์สามารถมีประสิทธิภาพได้ตามแบบที่ควรจะเป็น?
Point คือ การที่เรานำเอาตัวโลหะไอออนออก และทำการใส่ทรีทเม้นท์เข้าไปแทนที่ทันที เพื่อให้เส้นผมดูดซับความชุ่มชื้นได้นั่นเอง
ซึ่งวิธีการนำเอาโลหะไอออนออกนั้น(Chelate effect)สามารถทำได้หลากหลายเลยวิธีครับ
ดังนั้นโปรดวางใจได้ และแน่นอนว่าทาง neve ของเราก็มีวิธีในการนำเอาโลหะไอออนออกจากเส้นผมได้ครับ
ที่ร้านneveของเรานั้น นอกจากให้บริการดูแลเส้นผมหลังการทำเคมีสีหรือการดัดทันที เพื่อลดผลกระทบต่อเส้นผมของลูกค้าแล้ว ยังคำนึงถึง “การไม่ทิ้งสิ่งตกค้างที่ไม่ดีอื่นๆ ต่อเส้นผมกับลูกค้า”ให้ได้มากที่สุดอีกด้วยดังนั้น ลูกค้าท่านใดที่ถึงแม้จะไม่ได้ทำเมนูทรีทเม้นท์ไปพร้อมๆกับเมนูทำเคมีสี ก็จะสัมผัสได้ว่าเส้นผมนั้นได้รับผลกระทบจากเคมีน้อยมากๆครับ)
ซึ่งจากขั้นตอนการกำจัดโลหะไอออนออกตามที่กล่าวด้านบน พร้อมลงทรีทเม้นท์แบบชนิดเคลือบเส้นผมแล้วนั้น นอกจากจะสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว การกลับไปดูแลต่อที่บ้านเองก็จะง่ายดายและสามารถให้ประสิทธิภาพที่ดีได้ด้วยเช่นกันครับ
ส่วนวิธีในการดูแลเองที่บ้าน มีแบบไหนที่แนะนำบ้างไหมนะ?
วิธีการดูแลเส้นผม Hair Care แบบที่①
แนะนำเปลี่ยนมาใช้แชมพูที่มีพลังในการชำระล้างอย่างอ่อนโยนครับ
↓↓↓ส่วนตัวแชมพูที่อยากแนะนำคือ↓↓↓
หรือเป็นยี่ห้อไหนก็ได้ ขอเพียงแค่มีพลังในการชำระล้างแบบอ่อนโยนครับ
ผมแนะนำให้ลองใช้แชมพูยี่ห้อต่างๆ พร้อมเปรียบเทียบไปกับสภาพแวดล้อมต่างๆของไทยรอบตัว รวมถึงคุณภาพของน้ำด้วย ตัวไหนที่ให้สัมผัสหลังใช้ที่ดีและไม่เกิดปัญหาหนังศรีษะ ถือว่าเลือกใช้ต่อได้ครับ
โดยที่แนะนำเพิ่มเติมในการเลือก คืออย่าเลือกเพียงเพราะความชอบ เช่น กลิ่น แต่ให้อาศัยการดูจากสภาพเส้นผม หรือสภาพหนังศรีษะครับ
วิธีการดูแลเส้นผม Hair Care แบบที่②
ปกติแล้วแชมพู คอนดิชันเนอร์ หรือทรีทเม้นท์แบบประเภทล้างออกนั้น สามารถสร้างความระคายเคืองต่อผิวหนังได้ ดังนั้นจึงไม่เหมาะในการทิ้งไว้ให้สัมผัสกับผิวหนังเป็นเวลานานเกินไป
ในทางกลับกัน ทรีทเม้นท์แบบประเภทไม่ต้องล้างออก (Out bath treatment) จะเป็นแบบประเภท Non-ion ครับ
ซึ่งทรีทเม้นท์แบบไม่ต้องล้างออกนั้น จะแบ่งออกได้เป็น ประเภทน้ำมัน (Oil type)กับ ประเภทน้ำนม (Milk type)
ซึ่งทางซาลอน neve ของเรานั้น ได้แบ่งประเภทการใช้ ดังนี้ครับ
Oil type→เพื่อเพิ่มประกายเงางาม、และเหมาะกับใช้ควบคู่กับการเซ็ททรงด้วยไอรอน
Milk type→เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น、และเพื่อเพิ่มความนิ่มให้กับเส้นผม
และในกรณี High Damage หรือผมเสียมากนั้น แนะนำให้ใช้ควบคู่กันทั้ง2แบบเลยครับ
ซึ่งวิธีการใช้นั้น ให้เน้นลงในส่วนปลายผมครับ
และหลังจากลงตัวทรีทเม้นท์ไปสักครู่จะสัมผัสได้ว่าผมเริ่มนุ่มขึ้น จากนั้นก็ใช้หวีในการจัดทรงต่อกันครับ
ซึ่งทางร้านของเรานั้น มักจะแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมในแต่ละสภาพเส้นผมเป็นปกติ ดังนั้นโปรดวางใจในการสอบถามหรือพูดคุยปรึกษากันนะครับ
【Special offer!】พิเศษ เฉพาะช่วงเข้าหน้าร้อนนี้~ กับโปรโมชั่นDetoxศรีษะ+พร้อมเพิ่มเติมความชุ่มชื้น ให้ผมได้รีเฟรชอย่างถึงขีดสุด!
เนื่องจากเสียงจากทางบ้าน ที่ลูกค้าได้ขอคำปรึกษาเข้ามา เกี่ยวกับคุณภาพน้ำที่เปลี่ยนไปและส่งผลต่อสภาพเส้นผม และไม่สามารถแก้ไขเบื้องต้นเองที่บ้านได้….
ทางร้าน neve นั้นได้คำนึงถึงปัญหาของลูกค้า และอยากที่จะเสนอเมนูที่ช่วยรับผิดชอบในการ『สร้างรากฐานผมที่เพียบพร้อม』
โดยการที่ทางร้านนั้นจะทำการ Detox ชำระสิ่งไม่ดีที่ตกค้างบนเส้นผมและหนังศรีษะออก เพื่อคืนความสวยงามให้เส้นผม จากนั้นก็จะทำการเพิ่มเติมความชุ่มชื้น และลงเคลือบเส้นผมเพื่อกันสิ่งไม่ดีมาเกาะติดเส้นผมต่อจากนี้ เพียงเท่านี้ทุกๆท่านก็จะสามารถดูแลเส้นผมที่บ้านตามปกติได้อย่างง่ายดายและสะดวกสบาย พร้อมให้ผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพแล้วครับ
\ทางร้านมีตัวเลือกแชมพูมากมาย และเลือกใช้ให้เข้ากับสภาพเส้นผมและหนังศรีษะในแต่ละบุคคล/
เมนูพิเศษ Scalp Detox& Head Spa + 5 steps Treatment (Keratin&CMC)!
ปกติราคา3000B→เหลือเพียง2500B
(ราคาพิเศษเฉพาะเดือนเมษายน 2021นี้เท่านั้น)
【ช่วงเวลาจำกัด!】พิเศษสำหรับการดูแลต่อที่บ้านอย่างต่อเนื่อง!
เป็นความจริงที่ว่า แม้จะใช้บริการซาลอนมากแค่ไหน แต่หากการดูแลเองต่อที่บ้านนั้นไม่ได้รับการใส่ใจที่เพียงพอ ทรีทเม้นท์แค่ไหนก็ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี…
สำหรับการมีผมสวย สุขภาพดีอย่างยาวนานนั้น การทำHome care หรือการดูแลต่อในชีวิตประจำวันสำคัญมากครับ。
「แล้วผลิตภัณฑ์แบบที่ซาลอนใช้นั้น แบบไหนถึงจะดี?…」เป็นต้นนั้น ทางร้านก็มักได้รับคำถามเข้ามาครับ
อาจจะรู้สึกเหนือความคาดหมาย แต่เมื่อได้ทำการทดลองเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑต่างๆในท้องตลาดแล้ว สิ่งที่ทำให้เกิดผลแตกต่างที่สุดคือ แชมพูสระผมครับ
แชมพูนั้นผลิตมาเพื่อให้สามารถใช้ชำระล้างทำความสะอาดได้ทุกวัน
ซึ่งด้วยจุดประสงค์ของตัวแชมพู ที่เพื่อชำระล้างและทำความสะอาด ดังนั้นส่วนผสมที่ใส่ลงไปในแชมพูนั้น สามารถเป็นตัวที่ทำให้ผมที่เสียอยู่แล้วในผลกระทบเพิ่ม รวมถึงเกี่ยวกับการเฟดตัวของสีผมด้วยครับ
ดังนั้นการเลือกใช้แชมพูให้เหมาะกับสภาพเส้นผมหรือสถานการณ์ปัจจุบัน(เช่น ผมทำสี) เพื่อให้สามารถคงความชุ่มชื้นตามธรรมชาติได้นั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากครับ
\และพิเศษยิ่งขึ้น! สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการเมนูพิเศษด้านบน/
รับสิทธิ์ซื้อแชมพูที่ซาลอนคัดเลือกมาอย่างดีใน ราคาส่วนลด10%!
(พิเศษเฉพาะเดือนเมษายน 2021นี้เท่านั้น)
สรุปบทความ
สำหรับ『ทรีทเม้นท์』นั้น มีหลากหลายทั้งประสิทธิภาพ และประสิทธิผลให้เราได้เลือกใช้
ซึ่งการที่เราเลือกอย่างเหมาะสมนั้นก็จะส่งผลลัพธ์ที่ดีจนสัมผัสหรือรู้สึกได้ แต่ในทางกลับกันก็อาจจะส่งผลไม่ดีได้ หากเลือกใช้ไม่เหมาะสม
นอกจากการที่ตัวทรีทเม้นท์สามารถบำรุงซ่อมแซมจากภายในแล้ว ในบางกรณีก็สามารถลดความหยิกงอของเส้นผมลงได้
ที่ร้านซาลอน neveของเรานั้น จะเสนอการทำทรีทเม้นท์ให้เฉพาะกับท่านที่ทางช่างประเมินว่าจำเป็นเท่านั้น สำหรับบางท่านที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องใช้ทรีทเม้นท์เป็นตัวช่วยก็จะแนะนำอย่างจริงใจ และตรงไปตรงมาครับ
และสำหรับท่านใดที่พักหลังๆมานี้ รู้สึกกังวลถึงสภาพเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหรือความกังวลใดๆ โปรดวางใจในการติดต่อเพื่อพูดคุยกันนะครับ